วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2564

5 สัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดที่คุณไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด

      สัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถมีอยู่มากมาย ซึ่งมีความสำคัญมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันออกไป แต่ 5 สัญญาณเตือนเหล่านี้เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะขับไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลยก็เป็นได้


1.ไฟเตือนเครื่องยนต์


     ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางกรณีรถยังสามารถขับต่อไปได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่ทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานต่อได้เช่นกัน โดยจากการสำรวจของเว็บไซต์ CarMD เมื่อปี 2016 ระบุว่าสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด คือ ออกซิเจนเซนเซอร์, ระบบกรองไอเสียแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic Converter) และหัวเทียนหรือระบบจุดระเบิด


     ทางที่ดีหากพบว่าไฟเตือนเครื่องยนต์โชว์ขึ้นมา ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการโดยทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและแก้ไขต่อไป


2.ไฟเตือนรูปแบตเตอรี


     อันที่จริงแล้วไฟเตือนรูปแบตเตอรีไม่ได้แแปลว่าแบตเตอรีเสื่อมหรือใกล้หมดหรอกนะครับ แต่หมายถึงระบบปั่นกระแสไฟของตัวรถ (Alternator) หรือที่คนไทยเรียกกันทั่วไปว่า "ไดชาร์จ" กำลังมีปัญหาต่างหากล่ะ


     หากจู่ๆ สัญลักษณ์รูปแบตเตอรีสว่างขึ้น นั่นแปลว่าเครื่องยนต์ไม่สามารถปั่นกระแสไฟได้ตามปกติ ตัวรถจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี 12 โวลต์เท่านั้น จึงสามารถขับต่อไปได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับลงไปเอง ทางที่ดีหากรถยังสามารถเคลื่อนที่ได้ ควรรีบวิ่งเข้าศูนย์บริการหรืออู่เลยจะดีที่สุด


3.ไฟเตือนระบบเบรก


     กรณีที่ปลดเบรกมือลงแล้ว แต่ไฟเตือนยังค้างอยู่ นั่นแปลว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรกแล้วล่ะ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อย คือ ผ้าเบรกหมด, น้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด หรือกรณีรถที่ไม่มีไฟเตือนระบบเบรกป้องกันล้อล็อกแยกออกมาต่างหาก (ABS - Anti-lock Brake System) ก็อาจแสดงว่าเซ็นเซอร์ระบบเอบีเอสมีปัญหาได้


4.ไฟเตือนโอเวอร์ฮีต


     หากขับๆ อยู่แล้วพบว่าสัญญาณเตือนรูปเทอร์โมมิเตอร์สีแดงสว่างขึ้นมา นั่นแปลว่ารถคุณมีปัญหากับระบบหล่อเย็นจนทำให้เกิดอาการโอเวอร์ฮีตแล้ว ทางที่ดีควรรีบนำรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัยและรีบดับเครื่องยนต์โดยทันที ไม่ฝืนขับต่อโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อาการบานปลายจนกระทั่งฝาสูบโก่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และมีค่าซ่อมสูง

 

5.ไฟเตือนถุงลมนิรภัย


     หลายคนอาจมองว่าสัญญาณเตือนถุงลมนิรภัยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แต่กรณีประสบอุบัติเหตุอาจทำให้ถุงลมนิรภัยไม่พองตัวออกจนเกิดเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สัญญาณเตือนถุงลมนิรภัยสว่างขึ้น เช่น เซ็นเซอร์ทำงานผิดปกติ, ระบบจุดระเบิดถุงลมนิรภัยมีปัญหา หรือระบบแจ้งเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยมีปัญหา เป็นต้น


ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น