วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ที่ปัดน้ำฝนเสียงดัง สาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร



เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าฝน การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากคุณขับรถไปแล้วเกิดปัญหาระหว่างทางที่ฝนตก มันคงจะน่าหงุดหงิดไม่น้อย
      ซึ่งปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำและถือเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อเจอกับพายุฝนกระหน่ำตกมาแบบแรงๆ เม็ดใหญ่ๆ นั่นก็คือ ที่ปัดน้ำฝน
      ส่วนใหญ่ยางที่ใช้ปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งาน 1 ปี เมื่อครบรอบ หรือก่อนจะเข้าหน้าฝนก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ เพราะหากยังฝืนใช้งานต่อไป ที่ปัดน้ำฝนจะเกิดเสียงดัง และปัดไม่สะอาดหมดจดเหมือนตอนแรก

      สำหรับสาเหตุที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนเกิดเสียงดัง มีอยู่ดังนี้
1. เนื้อยางที่ปัดน้ำฝนแข็งขึ้น-เสื่อมสภาพ
2. ตัวยางที่ปัดน้ำฝนกับกระจกเกิดความฝืด
3. แรงกดระหว่างยางที่ปัดน้ำฝนกับกระจกมีมากเกินไป
      นอกจากนี้ การดูแลที่ปัดน้ำฝนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ แถมยังเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำผ้าไปชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วรูดไปที่ยางปัดน้ำฝนให้ทั่วก็เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคุณควรดูแลที่ปัดน้ำฝนให้ดี หรือเปลี่ยนใหม่ทันทีเมื่อยางปัดเสื่อมสภาพ จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดทีหลัง
ที่มา:sanook

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สูตรเด็ด! ทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียเงินซื้อ


     การดูแลรักษาความสะอาดรถยนต์ด้วยตนเอง ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะคุณสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่า ภายนอก และภายใน มีตรงจุดไหนบ้างที่เป็นรอย หรือเสียหาย ฯลฯ เพื่อที่คุณจะได้รู้เท่าทัน และทำการขจัดสิ่งเหล่านั้นก่อนที่มันจะติดลึก และฝังแน่น
     ซึ่งถึงแม้อุปกรณ์ทำความสะอาดรถยนต์จะหาซื้อได้ทั่วไป วางขายกันเกลื่อนตลาด แต่บางอย่างคุณเองก็สามารถทำขึ้นมาใช้เองได้ อย่างเช่น น้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ที่ลงทุนไม่กี่บาท แต่เก็บไว้ใช้งานได้ยาวๆ


     สำหรับการทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ขึ้นมาใช้เอง มีอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม และวิธีทำ ดังนี้
อุปกรณ์สำหรับทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์
     1. น้ำอัดลม 1 ขวด (ใช้เฉพาะสีดำเท่านั้น)
     2. น้ำยาล้างจาน 1 ขวด (ยี่ห้อใดก็ได้)
     3. น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ขวด (ยี่ห้อใดก็ได้)
วิธีการทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์
     1. นำน้ำอัดลมมาเทออกครึ่งขวด
     2. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในขวดน้ำอัดลม ให้ถึงแค่คอขวดพอ จากนั้นปิดฝาให้แน่นแล้วเขย่าผสมให้เข้ากัน (ควรเขย่าขวดก่อนผสม ไม่เช่นนั้นน้ำอัดลมอาจมีฟองพุ่งออกมาได้)
     3. เปิดฝาขวดอีกครั้งแล้วใส่น้ำยาล้างจานลงไปให้เต็มขวด ปิดฝา และเขย่าผสมให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง

    เพียงเท่านี้คุณก็จะได้น้ำยาเช็ดยางรถยนต์มาใช้งานแล้ว ซึ่งขวดน้ำอัดลมที่เราแนะนำให้ซื้อมาทำคือขวดที่มีราคา 10 บาท หรือ 15 บาทก็พอ เพราะขวดนึงสามารถใช้งานได้นานอยู่ แต่ถ้าคิดว่าปริมาณมันน้อย หรือจะนำไปใช้กับรถหลายคัน จะใช้ขวดลิตรก็ได้ เพียงแค่เพิ่มปริมาณสัดส่วนให้เท่าๆ กันก็พอ และรับประกันได้ว่าสูตรนี้ มดไม่ไต่ขึ้นยาง หรือรถของคุณแน่นอนครับ
ที่มา:sanook

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

5 อุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้เผื่อยามฉุกเฉิน รับรองได้ใช้จริง


   การเดินทางด้วยรถยนต์อาจต้องพบเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างไม่ทราบล่วงหน้าได้ ขอแนะนำ 5 อุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้ยามฉุกเฉิน ซึ่งจะมีประโยชน์ขึ้นมาทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
1.สำเนาทะเบียนรถและกรมธรรม์ประกันรถยนต์
     สำเนาทะเบียนรถและกรมธรรม์ประกันภัย เป็น 2 สิ่งจำเป็นที่ควรเก็บไว้ในรถอยู่เสมอ เผื่อกรณีถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ หรือเกิดอุบัติเหตุรถชน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างราบรื่น 
ที่สำคัญไม่ควรเก็บทะเบียนรถเล่มจริงไว้ในรถเป็นอันขาด ควรเก็บไว้เฉพาะสำเนาเท่านั้น เพราะหากรถหายขึ้นมา จะได้ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป
103
2.ชุดปั๊มลมและอุดยางรั่วฉุกเฉิน
     รถส่วนมากจะถูกติดตั้งยางฉุกเฉินมาให้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเปลี่ยนยางเป็น โดยเฉพาะคุณผู้หญิงหุ่นบางร่างเล็ก แม้ว่าจะพอมีความรู้ในการเปลี่ยนยางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว
     ดังนั้น จึงควรหาซื้อชุดปั๊มลมและอุดยางรั่วฉุกเฉินเก็บไว้ในรถ ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถหลายรุ่นที่ไม่มียางอะไหล่มาให้ ซึ่งชุดปั๊มลมพร้อมอุดรอยรั่วถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย คุณผู้หญิงก็สามารถทำได้ แต่มีข้อจำกัดว่าจะใช้ได้ในกรณียางรั่วเป็นรูเล็กๆ เท่านั้น หากยางเกิดฉีกขาดจะไม่สามารถอุดได้
104
3.ไฟฉาย
     ถือเป็นอุปกรณ์เบสิคที่หลายคนมองข้าม แต่มีประโยชน์ในยามฉุกเฉินมาก เช่น กรณีต้องเปิดฝากระโปรงหน้ากลางดึกในบริเวณที่ไม่มีไฟ ไฟฉายก็จะช่วยให้มองเห็นห้องเครื่องยนต์ได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนคว้าไอโฟนเครื่องละหลายหมื่นมาส่องสว่างแทน
     นอกจากนี้ ไฟฉายยังมีประโยชน์ในกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางยามค่ำคืน สามารถใช้เป็นสัญญาณไฟเตือนรถคันหลังให้ชะลอความเร็วลงได้ด้วย
100
4.ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง
     ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงมักถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยุโรปแทบทุกคัน ซึ่งกรณีรถเสียระหว่างทางยามดึก การใช้ป้ายสะท้อนแสงจะช่วยให้ผู้ขับขี่คนอื่นมองเห็นได้จากระยะไกลมากขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกฝ่าย และยังมีประสิทธิภาพกว่าการหักกิ่งไม้มากองไว้กลางถนนกว่าเป็นไหนๆ
102
5.สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
     ในยามปกติคงไม่มีใครคิดถึงสายแบตเตอรี่รถยนต์ แต่ในยามฉุกเฉิน หากมีคนเร่ขายเส้นละ 1 พันก็คงยอมจ่าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ได้กลับบ้านเป็นแน่ ทางที่ดีควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถไว้ เผื่อวันใดวันหนึ่งเกิดลืมปิดไฟหน้ารถ กลับมาอีกทีแบตเตอรี่หมด ก็ยังมองหารถคันอื่นช่วยจั๊มพ์สตาร์ทได้ทันทีโดยไม่ต้องถามว่า "พี่... มีสายพ่วงแบตฯ มาด้วยมั๊ย?"
ที่มา:sanook

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

4 เทคนิคขับเกียร์ออโต้ให้ประหยัด ที่หลายคนไม่เคยรู้



    รถยนต์เกียร์อัตโนมัติมักมีข้อด้อยในเรื่องการประหยัดน้ำมันที่สู้เกียร์แมนนวลไม่ได้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีเกียร์ CVT ที่ลดข้อด้อยเรื่องการสูญเสียกำลังระหว่างเปลี่ยนเกียร์ลงได้มาก แต่ส่วนมากก็ยังสู้เกียร์ธรรมดาไม่ได้อยู่ดี
   ขอแนะนำ 4 เทคนิคเด็ดช่วยขับเกียร์อัตโนมัติให้ประหยัดถึงใจ ดังนี้
100
1.ถอนคันเร่งช่วยเปลี่ยนเกียร์เร็วขึ้น
     การเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้เร็วขึ้นกว่าปกติ (Short shifting) มีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์กินน้ำมันน้อยลงได้ เพราะยิ่งใช้รอบเครื่องยนต์สูงมากเท่าไหร่ ก็จะมีการฉีดจ่ายน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าระบบเกียร์อัตโนมัติจะมีการเปลี่ยนเกียร์เองตามการสั่งงานของสมองกลอยู่แล้ว แต่เรามีกลเม็ดที่ทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้น นั่นคือ การถอนคันเร่งเล็กน้อยแล้วค่อยเหยียบลงไปใหม่ จะช่วยให้อัตราทดเกียร์สูงขึ้น 1 ตำแหน่ง (เช่น เกียร์ 3 ขึ้นไปเกียร์ 4) ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องเร่งออกตัวอยู่บ่อยๆ
2.ใส่เกียร์ N ขณะจอดติดไฟแดง
     การสลับไปใส่เกียร์ว่าง (N) มีส่วนช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หากจำเป็นต้องติดไฟแดงเป็นเวลานาน ก็ควรใส่เกียร์ว่างไว้ แถมยังไม่เมื่อยเท้า และเพิ่มความปลอดภัยไม่เสี่ยงชนคันหน้าด้วย
102
3.เลี้ยงความเร็วให้คงที่
     เมื่อขับรถทางไกลที่ต้องใช้ความเร็วสูง ควรเลี้ยงน้ำหนักคันเร่งให้คงที่ ไม่ควรปล่อยเหยียบซ้ำๆ เพราะเกียร์อัตโนมัติในรถบางรุ่นจะลดอัตราทดลงทันที 1 จังหวะ เมื่อปล่อยคันเร่งแล้วเหยียบซ้ำ ทำให้รอบเครื่องยนต์ขึ้นสูงโดยไม่จำเป็น
4.อย่าคิกดาวน์เมื่อไม่จำเป็น
     การคิกดาวน์ (Kickdown) คือ การเหยียบคันเร่งแบบจมมิด หรือประมาณ 3 ใน 4 ของระยะคันเร่งทั้งหมด เพื่อให้เกียร์ลดอัตราทดลงมา ส่งผลให้รถพุ่งไปข้างหน้าได้ฉับไวขึ้น ซึ่งการคิกดาวน์แต่ละครั้งจะใช้น้ำมันมากกว่าปกติ ดังนั้น หากเหยียบคิกดาวน์บ่อยๆ ก็จะทำให้น้ำมันลดฮวบโดยไม่จำเป็นได้
ที่มา:sanook

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

5 สิ่งห้ามเก็บในรถกลางแดดช่วงหน้าร้อนเด็ดขาด!


     อากาศเมืองไทยช่วงฤดูร้อนมันช่างร้อนระอุดั่งปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งรถยนต์ที่จอดไว้กลางแดดเป็นประจำ ก็จะมีอุณหภูมิสะสมภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้นไปด้วย แนะนำ 5 ไอเท็มที่ไม่ควรเก็บไว้ในรถช่วงหน้าร้อนเด็ดขาด มีอะไรบ้าง?
     รถยนต์ที่จอดรถไว้กลางแดดนั้น อาจมีอุณหภูมิสะสมสูงขึ้นแตะระดับ 65-70 องศาได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งอุณหภูมิระดับนี้อาจส่งผลต่ออุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ภายในตัวรถได้ ในระยะยาวชิ้นส่วนคอนโซลที่เป็นพลาสติก อาจกรอบแตกหักได้ง่าย หรือปุ่มที่ใช้วัสดุยางมาเป็นส่วนประกอบ ก็อาจละลายจนกลายเป็นคราบเหนียวติดมือ ซึ่งส่วนมากมักพบได้ในรถยุโรปบางยี่ห้อ ที่ไม่ได้คำนึงถึงการใช้งานในประเทศเมืองร้อนมากนัก
     อย่างไรก็ดี ยังมีอุปกรณ์อีกหลายอย่างที่เจ้าของรถมักเก็บติดรถไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำอันตรายจนเกิดความเสียหายได้ หากอยู่ในจุดที่แดดส่องหรืออุณหภูมิสูงสะสมเป็นระยะเวลานาน ได้แก่
202
1.พาวเวอร์แบงค์
     พาวเวอร์แบงค์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่หลายคนมักพกติดตัวอยู่เสมอ ซึ่งในแบตเตอรี่สำรองแบบพกพา จะประกอบด้วยสารเคมีที่ไวต่อการทำปฏิกิริยาหากอยู่ในพื้นที่ที่มีความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดการลัดวงจรจนทำให้เกิดการระเบิดได้ ซึ่งการระเบิดของพาวเวอร์แบงค์ส่วนมากจะเป็นการพุ่งของเปลวไฟ ทำให้อุปกรณ์หรือแผงคอนโซลในรถได้รับความเสียหาย หากไฟเกิดลุกติดชิ้นส่วนที่ติดไฟง่าย เช่น เบาะนั่ง, แผงบุหลังคา, ฉนวนกันความร้อน ฯลฯ เหล่านี้อาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็นไฟไหม้รถทั้งคันได้

201
2.ไฟแช็ค
     ไฟแช็คมีโอกาสระเบิดได้หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูงตลอดเวลา รวมถึงสิ่งที่ติดไฟง่ายอื่นๆ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง, ไม้ขีดไฟ, พลุ เป็นต้น

205
3.กระป๋องสเปรย์
     กระป๋องสเปรย์ประกอบไปด้วยแรงดันภายในกระป๋องสูงอยู่แล้ว เมื่อได้รับความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้แรงดันเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งระเบิดออก สร้างความเสียหายให้กับห้องโดยสารได้

203
4.เครื่องหอมระเหยต่างๆ
     เครื่องหอมระเหยต่างๆ ภายในรถ ไม่ควรเก็บทิ้งไว้ในรถเมื่อต้องจอดทิ้งไว้กลางแดดเป็นระยะเวลานาน เพราะเมื่อได้รับความร้อนสูง อาจทำให้เกิดการละลาย สร้างความเสียหายให้กับแผงคอนโซลได้ ในบางกรณีอาจไหลเยิ้มลงบนคอนโซลรถเข้าไปยังซอกต่างๆ ซึ่งยากที่จะทำความสะอาดให้หมดสิ้น

204
5.แผ่นยางกันลื่น/ของประดับจากยาง
     แผ่นยางกันลื่นหรือของเล่น ของประดับที่ทำจากยางมักไม่ถูกกับความร้อน ซึ่งทำให้เกิดการละลายติดกับแผงคอนโซลได้ และยังอาจทำให้คอนโซลเกิดเป็นรอยด่างถาวรได้อีกด้วย ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงนำอุปกรณ์เหล่านี้มาประดับบนแผงคอนโซล หรือใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ที่มา:sanook